“ห้องทรงงาน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (บทความเชิงวิชาการ ฉบับที่สาม)

“ห้องทรงงาน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


“ห้องทรงงาน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น กว้างไกลยิ่งนัก มีฟ้าเป็นเพดาน มีพื้นห้องเป็นพื้นดิน ป่าเขา และลำห้วยอันน้อยใหญ่
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 เป็นต้นมา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนราษฎรตามพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลและ ทุรกันดารทั่วประเทศ เพื่อให้ราษฎรได้พ้นจากความทุกข์ยากและมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นจากเดิม
จากวันนั้นถึงวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์โดยไม่มีวันหยุด ทรงเป็นห่วงประชาชนของพระองค์ในทุกๆ ด้าน พระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นับพัน นับหมื่นโครงการ ก่อกำเนิดเกิดผลอย่างยั่งยืน ทำให้ประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา พัฒนาและตั้งมั่น อยู่บนพื้นฐานของ “ความพอเพียง” และ “การพึ่งพาตนเอง”
สำหรับห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น กว้างไกลยิ่งนัก มีฟ้าเป็นเพดาน มีพื้นห้องเป็นพื้นดิน ป่าเขา และลำห้วยอันน้อยใหญ่ หรือ ป่า น้ำ ดิน คน นั่นเอง เพียงเพราะว่าทุกอย่างมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศไทยมาโดยตลอด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระทัยถึงปัญหาเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง จากการเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกหนแห่งของประเทศ จึงทราบปัญหาทุกอย่างด้วยพระองค์เอง ทรงห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับราษฎร พร้อมๆ กับทรงตระหนักถึงการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ  ทรงถือเป็นพระราชภาระที่ทรงเริ่มก่อน ก่อนที่ประชาชนในแผ่นดินจะรู้ถึงภัยจากความผันแปรของธรรมชาติ ทรงใช้พระปรีชาสามารถ พระวิริยะอุตสาหะ และด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อบำบัดปัดเป่าทุกข์ร้อนของเหล่าอาณาประชาราษฎร
ทรงมุ่งเน้นการพัฒนา เพื่อให้คนยากจนพอมีพอกิน ไม่อดอยาก และสามารถช่วยตัวเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งมิใช่จำกัดอยู่แต่เพียงการพัฒนาทางด้านการเกษตรเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงชุมชนในชนบททั้งหมด ตลอดจนถึงโครงสร้างการผลิต  วิถีชีวิต สุขอนามัย วัฒนธรรมประเพณี  ไปจนถึงวิธีคิดและจิตสำนึกของคนทั้งประเทศ อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ของประเทศ นั่นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรเห็นสังคมไทยอย่างเป็นองค์รวม มิได้ทรงแยกการพัฒนาออกเป็นส่วนๆ ดังเช่นการพัฒนาของรัฐ  ที่ถึงแม้ว่าจะได้รับผลตามเป้าหมาย แต่ก็จะไม่ได้ครบถ้วนตามความหมายของการพัฒนาอย่างแท้จริง เพราะยังไม่ได้ปลูกฝังให้ผู้ได้รับประโยชน์ ได้มีความรู้ความเข้าใจ หรือวางแนวคิดให้รู้จักพัฒนาต่อไปจากจุดนั้น คือการรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ใช้ภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ มาประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องตามเหตุการณ์ สิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ ที่จะโน้มนำสังคมไทยทั้งมวลไปสู่ความสุขสมบูรณ์แบบในที่สุด
พระองค์ทรงสอนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้คนไทยได้ศึกษา เรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อใช้เป็น หลักในการดำเนินชีวิต อย่างพอดี พอประมาณ สมดุล ไม่สุดโต่ง และสร้างภูมิคุ้มกันภัยที่อาจเกิดแก่ตน แก่ครอบครัว แก่งาน และแก่สังคม
และในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม 2550 จะมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมทั้งภาครัฐและเอกชนตลอดจนประชาชนทุก หมู่เหล่า ได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมี และถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
โดยงานนิทรรศการที่กำหนดจัดขึ้นนี้จะมีขึ้นอย่างสมพระเกียรติ และพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยจะไปจัดหมุนเวียนทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการถวายความจงรักภักดีอย่างทั่วถึงกันทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.ขอนแก่น, ภาคใต้ ที่ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 1 - 8 พฤศจิกายน 2550 ส่วนภาคเหนือจัดที่ จ.เชียงใหม่ และภาคกลาง ที่ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 17 - 25 พฤศจิกายน 2550 โดยจะหมุนเวียนมาจัดแสดงที่อิมแพค เมืองธานี ในช่วงมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา คือ ระหว่างวันที่ 1 -15 ธันวาคม ปีนี้ แบ่งเป็นโถงห้องต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น พระราชวงศ์จักรี พระราชประวัติ พระอัจฉริยภาพ พระราชกรณียกิจ และ 60 ปีทรงครองราชย์ เป็นต้น โดยได้จำลองห้องทรงงานของพระองค์ ผ่านทางเทคนิคการนำเสนอพิเศษมากมาย ...
จาก : MMP Magazine ฉบับที่ 2

 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

calendar ของฉัน